เมนู

4. โกสลสูตร



ว่าด้วยการเจริญสติปัฏฐาน 4


[691] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พราหมณคาม
ชื่อโกศล ในแคว้นโกศล ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุ
ทั้งหลาย ฯลฯ แล้วได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ-
ทั้งหลายที่เป็นผู้มาใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรมวินัยนี้ อันเธอทั้งหลาย
พึงให้สมาทาน พึงให้ตั้งอยู่ พึงให้ดำรงมั่นในการเจริญสติปัฏฐาน 4.
สติปัฎฐาน 4 เป็นไฉน.
[692] มาเถิด ผู้มีอายุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพิจารณาเห็นกาย
ในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส
มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อรู้กายตามความเป็นจริง. จงพิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... เพื่อรู้เวทนาตามความเป็นจริง. จงพิจารณาเห็นจิต
ในจิตอยู่... เพื่อรู้จิตตามความเป็นจริง. จงพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น
มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อรู้ธรรมตามความเป็นจริง.
[693] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุทั้งหลายที่ยังเป็นเสขะ ยังไม่
บรรลุอรหัต ปรารถนาความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม ก็ย่อมพิจารณาเห็น
กายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส
มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อกำหนดรู้กาย. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนา
ในเวทนาอยู่ ...เพื่อกำหนดรู้เวทนา. ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ . . . เพื่อ
กำหนดรู้จิต. ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ

มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว เพื่อกำหนด
รู้ธรรม.
[694] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุทั้งหลายที่เป็นอรหันตขีณาสพ
อยู่จบพรหมจรรย์ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว มีประโยชน์
ตนถึงแล้วโดยลำดับ สิ้นสังโยชน์ที่จะนำไปสู่ภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้
โดยชอบ ก็ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว พรากจาก
กายแล้ว. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... พรากจากเวทนาแล้ว.
ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... พรากจากแล้ว. ย่อมพิจารณาเห็นธรรม
ในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีธรรมเอกผุดขึ้น มีจิตผ่องใส
มีจิตตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เดียว พรากจากธรรมเเล้ว.
[695] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายที่เป็นผู้มาใหม่ บวชยัง
ไม่นาน เพิ่งมาสู่ธรรมวินัยนี้ อันเธอทั้งหลายพึงให้สมาทาน พึงให้ตั้งอยู่
พึงให้ดำรงมั่นในการเจริญสติปัฏฐาน 8 เหล่านี้.
จบโกสลสูตรที่ 4

อรถกถาโกสลสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในโกสลสูตรที่ 4.
บทว่า ธมฺมวินโย ความว่า บททั้ง 2 ว่า ธรรมหรือวินัยนั้น
เป็นชื่อของสัตถุศาสน์เท่านั้น. บทว่า สมาทเปตพฺพา ได้แก่ อันเธอทั้งหลาย
พึงให้ถือเอา. บทว่า เอโกทิภูตา ได้แก่ ความเป็นผู้มีจิตสงบด้วยขณิกสมาธิ.
บทว่า สมาหิตา เอกคฺคจิตฺตา ความว่า มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ และมีจิต
มีอารมณ์เดียว ด้วยสามารถอุปจาระและอัปปนา. ในสูตรนี้ สติปัฏฐาน อัน
ภิกษุใหม่ทั้งหลายและพระขีณาสพทั้งหลายเจริญแล้ว เป็นบุพภาค. พระเสขะ
7 จำพวกเจริญแล้ว เป็นมิสสกะคลุกเคล้ากัน.
จบอรรถกถาโกสลสูตรที่ 4

5. อกุสลราสิสูตร *



กองอกุศล 5


[696] สาวัตถีนิทาน. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัส
พระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อจะกล่าวว่ากองอกุศล จะกล่าว
ให้ถูก ต้องกล่าวถึงนิวรณ์ 5. เพราะว่ากองอกุศลทั้งสิ้นนี้ ได้แก่นิวรณ์ 5.
นิวรณ์ 5 เป็นไฉน. คือกามฉันทนิวรณ์ 1 พยาบาทนิวรณ์ 1 ถีนมิทธ
นิวรณ์ 1 อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ 1 วิจิกิจฉานิวรณ์ 1. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
* สูตรที่ 5 ไม่มีอรรถกถาแก้